วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2557
"Love Wedding Marriage แกะรอย ธุรกิจหมื่นล้าน"
“Will You Marry Me ?” คำขอคนที่คุณรักแต่งงาน ประโยคๆนี้ ทำให้เกิดมูลค่าทางธุรกิจขึ้นอย่างมากมายในทุกๆประเทศ เมื่อคนสองคนตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน จึงต้องมีการจัดงานเพื่อที่จะบอกให้คนอื่นๆรอบๆตัว รับรู้ว่าเราเป็นคู่ชีวิตกันแล้ว
ในประเทศไทยปีๆนึง มีคู่ที่ไปจดทะเบียนสมรสประมาณ 3 แสนคู่ในทุกๆปี ลองคิดกันดูเล่นๆนะครับ ใน 3 แสนคู่ผมว่าอย่างน้อย 50%-60% น่าจะต้องมีการจัดงานแต่งงาน และ ยังมีคู่แต่งงานที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสอีกมากมายที่มีการจัดงานแต่งงาน
หากผมลองประเมินคร่าวๆ ถ้าหนึ่งคู่สมรสใช้เงินในการจัดงานแต่งสัก 100,000 บาท หากมีการจัดงานแต่ง 150,000 คู่ต่อปี มูลค่าของธุรกิจงานแต่งงานก็สูงถึง 15,000 ล้านบาทแล้วล่ะครับ แต่ผมคิดว่าจริงๆน่าจะสูงกว่านี้อีกมาก
ว่าถึง ธุรกิจงานแต่งงาน ก็จะมีธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้องอยู่มากมาย โดยธุรกิจที่เกี่ยวข้องหลักๆก็จะมีดังนี้ครับ
1. ธุรกิจโรงแรม หรือ สถานที่ ให้เช่าจัดงานแต่งงาน
เม็ดเงินที่อยู่ในกลุ่มนี้น่าจะเป็นอะไรที่เยอะที่สุดครับ เพราะค่าใช้สถานที่ของโรงแรมนั้น มีตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักล้าน
2. ธุรกิจชุดแต่งงาน
มีให้เห็นกันเยอะมากครับ มีทั้งเช่า ทั้งตัด และมีเจ้าใหญ่ๆหลายเจ้าที่ทำธุรกิจกันจนร่ำรวยเป็นหลักสิบหรือร้อยล้าน เช่าชุดธรรมดาครั้งนี้เดี๋ยวนี้ก็เป็นหมื่นๆแล้วครับ ส่วนถ้าสั่งตัดก็มีกันไปถึงหลักหลายแสนบาท
3. ธุรกิจช่างภาพ
มีทั้งการถ่ายภาพนิ่ง และการถ่าย VDO เป็นลักษณะ Cinema ซึ่งสำหรับคนไทยที่จะมีการจัดงานแต่งงานสมัยนี้ต้องมีการถ่ายรูป Prewedding ทำ Presentationงานแต่ง และ ไหนจะการถ่ายรูปในวันงานอีก รวมๆแล้วก็ต้องใช้เงินกันเป็นหมื่นๆบาท และ ถ้าหากอยากจะใช้เจ้าดังๆก็คงต้องเตรียมเงินกันไว้เป็นหลักแสนบาท
4. ธุรกิจ Card และ ของชำร่วย
แค่ดูจากจำนวนคนแต่งงานต่อปี ผมว่าคนทำ Card และขายของชำร่วย แค่จับเฉพาะกลุ่มงานแต่งงานได้ ก็สบายแล้วล่ะ เพราะงานๆนึงก็ต้องสั่งพิมพ์ Card หรือ ซื้อของชำร่วยกันอย่างน้อยก็ 2-3 ร้อยชิ้น บางงานอาจจะสูงถึง 2-3 พันชิ้น หากเป็นงานใหญ่
5. ธุรกิจชุดงานเลี้ยง
นอกจากชุดแต่งงานของเจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้ว อย่าลืมชุดของเจ้าภาพ ญาติๆ และ แขกครับ ที่ต้องหาชุดไปงานกันอีก โดยเฉพาะสาวๆที่มักจะไม่ใส่ชุดซ้ำๆ และ สมัยนี้การตัดชุดให้เป็น Theme เดียวกันสีเดียวกัน ก็ทำให้เกิดการตัด หรือ การให้เช่า ธุรกิจงานเลี้ยงเข้ามาอีก
6. ธุรกิจทีเกี่ยวกับการจัดงาน เช่น ดอกไม้, ดนตรี และ การตกแต่งอื่น
ในงานแต่งงานคงขาดการตกแต่งจาก ดอกไม้ในงานแต่งงานไม่ได้นะครับ ที่เราเห็นการจัดดอกไม้ตามงานแต่งต่างๆ หากไม่มากนักก็อาจจะเป็นหลักหมื่นต้นๆ บางคนชอบดอกไม้มาก ลงทุนตกแต่งเป็นล้านๆเลยก็มีครับ ส่วนดนตรี สมัยนี้ก็นิยมที่จะจ้างเป็นวงดนตรี ไปเล่นสด มีทั้งวงแบบเครื่องสาย, acoustic หรือ Full band แล้วแต่ความชอบของคู่บ่าวสาว
7. ธุรกิจอาหาร ซุ้มอาหาร Catering
การจัดงานในสมัยก่อนนิยมเป็นการจัดโต๊ะจีน หรือ ใช้อาหารของโรงแรม แต่สมัยนี้ ความนิยมเปลี่ยน เริ่มมีการจัดแบบ บุฟเฟต์, ค๊อกเทล จึงเริ่มมีการนำซุ้มอาหารต่างๆเข้ามาในงาน ที่เป็นยอดนิยมก็จะเป็นพวก อาหารญี่ปุ่น, ข้าวมันไก่, ข้าวหมูแดง, บะหมี่เกี๊ยว, กระเพาะปลา หรือ ร้านอาหารชื่อดังๆในพื้นที่ต่างๆ ก็จะเริ่มเข้ามาในตลาดส่วนนี้ ซึ่งถือว่าทำงานได้ดีทีเดียว และเป็นรายได้เสริมให้กับร้านอาหารหลายๆร้าน บางร้าน รายได้อาจจะสูงกว่าขายธรรมดาที่หน้าร้านด้วยซ้ำไป
8. ธุรกิจเครื่องประดับ, ช่างแต่งหน้าทำผม และ ของไหว้ต่างๆ
สองธุรกิจนี้เป็นสิ่งสำคัญเลยครับ ไม่มีไม่ได้ หากขาดไปงานแต่งงานไม่สมบูรณ์แน่ เริ่มตั้งแต่ แหวน เครื่องประดับ เครื่องเพชร หรือ พวกของไหว้ ของใช้ในพิธีต่างๆทั้ง แบบไทย จีน หรือ คริสต์
ส่วนเรื่องแต่งหน้าทำผมของเจ้าสาว และ ญาติๆ สำคัญมากๆครับสำหรับพวกเธอ ช่างแต่งหน้าบางท่านต้องจองกันข้ามปีเลยทีเดียว และ ค่าใช้จ่ายก็อยู่ที่ 5 พัน จนถึงหลัก 2-3 หมื่น ครับ
9. ธุรกิจ Wedding Planner หรือ Organizer
จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นว่า หากใครจะแต่งงานทั้งทีจะต้องติดต่อกับคนที่บอกมาเกือบทั้งหมด ซี่งจะถือว่าเยอะมาก ก็เลยเป็นที่มา ที่จะมีผู้ที่ให้บริการในการช่วยเตรียมงาน และ จัดงานแต่งงานให้ เพราะในชีวิตคนเรา คงจะแต่งงานกันแค่เพียงครั้งเดียว คู่แต่งงานทุกคนก็เป็นมือใหม่ เลยต้องการคนที่จะมาช่วยในการเตรียมงานและจัดงานต่างๆให้ บ้างก็ทำกันเป็นธุรกิจครบวงจร จนเป็น Wedding Studio ให้เสร็จสรรพ
จริงๆยังมีธุรกิจอื่นๆอีกนะครับ เช่น รับพิมพ์รูปหน้างานจาก Instagram หรือ จอ LED ไว้เขียนคำอวยพร ซึ่งก็แล้วแต่ว่าใครจะหาโอกาสในการสอดแทรกเข้าไปได้แค่ไหน
หากใครที่ทำธุรกิจอยู่ในวงการนี้ หรือ อยากจะเข้ามาทำและประสบความสำเร็จในวงการนี้ หลักสำคัญที่คุณควรจะต้องมีเพื่อความสำเร็จคือ
1. Professional: ความเป็นมืออาชีพในบริการที่คุณทำ เพราะคู่แต่งงานต้องการความเชื่อมั่นจากมืออาชีพเท่านั้น งานแต่งงานมีเพียงครั้งเดียวในชีวิต หากผิดพลาดไปแล้ว แก้ไขไม่ได้ครับ
2. Partner & Connection: คุณควรจะคู่ค้า และ มีเส้นสายที่รู้จักคนให้กว้างในหลายๆวงการ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับธุรกิจงานแต่งงาน เพราะคุณอาจจะได้งานก็จากเส้นสายคนที่คุณรู้จักนี่แหล่ะครับ
3. Service Minded: “Happiness” ความสุขเป็นหลักสำคัญที่สุดในการแต่งงานที่คู่บ่าวสาวอยากจะได้รับ จากการบริการต่างๆของคุณ คุณต้องมีการบริการที่ดีมากๆ และทำทุกๆอย่างที่จะสร้างความสุขให้กับ ครั้งหนึ่งในชีวิตของลูกค้าคุณ หากคุณทำได้ดี เดี๋ยวเค้าก็จะแนะนำเพื่อนๆมาเป็นลูกค้าใหม่ให้กับคุณอย่างแน่นอนครับ
4. Understanding: คุณต้องเข้าใจในคู่บ่าวสาว ของคุณให้มาก เพราะคนแต่ละคนมีความชอบไม่เหมือนกัน และงานแต่งงาน ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของความชอบส่วนตัว ไม่มีถูกไม่มีผิด ใครที่เข้าใจลูกค้าอย่างถ่องแท้ ก็จะนำเสนอสิ่งที่เค้าชอบได้อย่างดีที่สุด
5. Creativity: สุดท้ายครับ ความคิดสร้างสรรค์ คู่บ่าวสาวทุกคนอยากให้งานของตนเป็นในแบบของพวกเค้าเองที่ไม่เหมือนใคร การคิดและสร้างสรรค์ในสิ่งใหม่ๆจะทำให้งานแต่งงาน เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของชีวิตคู่บ่าวสาวครับ
ARA
#YESClub #Wedding
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น