https://www.youtube.com/watch?v=Hv2K_lWOMlY
เชื่อว่าเพลงข้างบนนี้คงเป็นเพลงประจำออฟฟิศของหลายๆ คน โดยเฉพาะเวลาเคร่งเครียด ไปร้องเกะ (แบบไม่มีเจ้านาย) เพราะการทำงานที่เหนื่อยล้า ปัญหาเยอะแยะเต็มไปหมด และยิ่งสมัยนี้คอร์สอบรมสัมมนาเพื่อช่วยให้รวยเร็ว
เกษียณไว มีเยอะเกลื่อนตลาดเต็มไปหมด บางที่ก็ของจริง บางที่ก็ของปลอม
บางที่ก็เน้นเรื่องบริหารเงิน บางที่ก็เน้นปลุกใจไฟลุก
แต่สุดท้ายหลายที่บอกเหมือนกันคือต้องลาออกเท่านั้นจึงจะรวย
ตอนคนไปเรียนทีก็ปลุกใจไฟลุกกันที
กลับบ้านมาบอกทุกคนรอบข้างว่าต่อไปนี้ผมจะรวย ฉันจะรวย
บางคนไฟลุกมากถึงขั้นว่ากลับไปเช้าวันจันทร์ลาออกเลยก็มี
คอร์สเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีเรื่องทัศนคติเกี่ยวกับการทำงานประจำว่าเป็นตัวฉุดให้คนเราไม่รวยสักที
และค่อนข้างจะทำให้เรายิ่งไม่พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ด้วยซ้ำ
ประกอบกับที่เราเห็นเพื่อนบางคนที่อายุเท่ากันแต่ออกมาทำธุรกิจเองแล้วประสบ
ความสำเร็จ
ก็ยิ่งส่งผลให้คนที่ทำงานประจำอยู่มีแนวโน้มเบื่องานตัวเองมากขึ้น
และอยากลาออกเร็วขึ้นกว่าเดิม
รวมถึงมีทัศนคติลบต่องานที่ตัวเองทำโดยไม่รู้ตัว
ผมเห็นด้วยกับเรื่องอยากรวยต้องทำธุรกิจนะครับ
แต่เรื่องเบื่อหน่ายและรังเกียจงานประจำที่ทำอยู่หรือเคยทำนี่ไม่ค่อยเห็น
ด้วยเท่าไหร่ มีคนรู้จักของผมหลายคน แค่เริ่มออกมาจากงานประจำไม่นาน
ก็ด่าว่างานประจำเสียๆ หายๆ ว่าดีแล้วที่ออกมาได้ ไม่งั้นนะ
ไม่อิสระขนาดนี้หรอก ออกมาได้ตั้งนานก็ดีแล้ว ทนทำอยู่ได้ยังไง
หรือบางท่านลามกระทั่งพูดจาไม่ดีต่ออดีตเจ้านายกันเลยทีเดียว
ผมขออนุญาตเตือนท่านด้วยความหวังดีนะครับ ถึงแม้งานประจำการเป็นลูกจ้าง
จะดูด้อยกว่าเป็นเจ้าของ ถึงแม้จะไม่ตอบโจทย์ความร่ำรวยของเรา
ถึงแม้จะดูดพลังชีวิตเราไป เราก็ไม่ควรไปด่าว่าให้เสียๆ หายๆ นะครับ
ผมมีเหตุผลให้เห็นภาพชัดขึ้นครับ
ข้อแรก
การที่ท่านมีเงินเก็บเป็นทุนหรืออยู่รอดชีวิตมาถึงตอนนี้
ก็เป็นเพราะเงินเดือนจากงานประจำที่ท่านทำมาไม่ใช่เหรอครับ
การที่ท่านได้บ้านหลังใหม่และดูถูกเหยียดหยามบ้านหลังเก่า
มันจะทำให้ท่านดูเป็นผู้ไม่รู้จักบุญคุณรึเปล่า
ถ้าท่านเชื่อเรื่องคนกตัญญูรู้คุณแล้วจะเจริญ
อย่างน้อยก็น่าจะนึกถึงบุญคุณบริษัทเก่าของท่าน
อย่าดูถูกทุกงานที่ท่านเคยทำ
เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้ท่านเป็นตัวเองถึงทุกวันนี้ไม่ใช่เหรอครับ
ถัดมา หากบางท่านที่ออกมาแล้วไม่สมหวังตามที่ตั้งใจไว้
กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยังไงวันนึงต้องกลืนน้ำลายตัวเองกลับไปทำงานที่เดิม
ท่านจะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจมั้ยครับไม่ใช่การไม่เต็มที่
แต่เป็นการเผื่อทางหนีทีไล่ไว้แล้ว การทำธุรกิจมีร้อยละ 20 ที่รอดในปีแรก
ท่านจะรู้ได้ยังไงว่าท่านไม่ใช่ 80 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ
ทำหน้าที่ตัวเองให้เต็มที่ แต่เผื่อทางหนี ทางถอยไว้บ้างก็ไม่เสียหายนะครับ
หรือบางทีบริษัทเก่าหรือเพื่อนร่วมงานเก่าของท่านอาจเป็นลูกค้าท่านโดยไม่
รู้ตัวก็ได้
ข้อสุดท้ายเลยคือผลกรรมที่จะตามสนองท่านแน่นอน
ในเมื่อบริษัทของท่านเองก็ต้องจ้างลูกจ้าง มีลูกน้องเหมือนกัน
จะมีอะไรมาการันตีว่าลูกน้องจะไม่คิดแบบเดียวกับท่านล่ะครับ
สุดท้ายนี้ก็ขอละครับ ไม่อยากทำงานประจำแค่ไหน หรือไม่อยากกลับไปทำแค่ไหน ก็อย่าเกลียดมันเลยครับ
#KAL #YESCLUB #FINANCIALFREEDOM
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น