หากจะทำธุรกิจ การวางแผนเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ แต่จะวางแผนอย่างไรให้ดี
และ ทำแผนธุรกิจอย่างไรให้เหมาะที่สุดสำหรับแต่ละองค์กร มันก็ขึ้นอยู่กับขนาดธุรกิจ
และ ความจำเป็นในการใช้แผนธุรกิจ
เมื่อคราวก่อน ผมได้เขียนเรื่อง แผนธุรกิจสำคัญอย่างไร และ
ล้าสมัยไปแล้วหรือยัง ในครั้งนี้จะมาแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับ
รูปแบบการทำ แผนธุรกิจ 4 แบบ เพื่อการนำไปใช้งานจริงๆ
ที่ไม่ใช่แค่ทำเพราะ "ต้องทำ"
ในปัจจุบัน หลายองค์กรยังนิยมให้ทำแผนธุรกิจแบบดั้งเดิมอยู่ อาจจะเป็นเพราะนำไปใช้ในการนำเสนอในองค์กร หรือ อาจจะนำไปใช้ในการนำเสนอผู้ลงทุน หรือ ธนาคาร หากคุณมีกิจการเป็นของคุณเอง คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ครับ เพราะจะเสียเวลา และ เสียพลังในการทำเป็นโดยเปล่าประโยชน์ ลองมาดู แผนธุรกิจ 4 แบบนี้กันดูครับ:-
1. Mini Plan
เป็นแผนธุรกิจฉบับย่อ ทำแบบสั้นๆ ง่ายๆ แค่พอรู้ว่า เป้าหมายคืออะไร
ทิศทางการดำเนินงาน และสิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างไรบ้าง แค่นั้นก็พอครับ คุณอาจจะทำเป็นแค่ กระดาษ A4 แผ่นเดียว หรือ อาจจะเป็นการวาดรูป Business Model
หรือ
แผนที่เราต้องทำ โดยใช้ลักษณะ การทำ Mind Map หรือ Business Model Canvas ก็ได้ครับ
การทำเป็น Mini Plan เหมาะมากๆครับ สำหรับ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่
ที่เพิ่งเริ่มธุรกิจในขนาดกระทัดรัด หรือ
หากเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ Mini Plan ก็อาจจะเป็น
สิ่งที่คุณเก็บไว้ดูเป็นแบบย่อ แทนที่จะไปเปิดแผนธุรกิจเล่มใหญ่ๆครับ
2. Presentation Plan
2. Presentation Plan
แผนธุรกิจแบบนี้ ใช้สำหรับ ในการนำเสนอครับ ใช้เวลาไปนำเสนอ นักลงทุน, ธนาคาร, คู่ค้า, supplier,
ลูกค้า ให้คุณทำแผนธุรกิจ ลงเป็น Presentation
อาจจะเป็น
Power point format หรือ PDF ของ PC ทั่วไป หรือ เป็น Keynote ของเครื่อง Mac
Presentation plan ควรจะสรุปใจความสำคัญของแผนธุรกิจทั้งหมด
ให้ได้ใจความที่พอดีๆ ไม่เวิ่นเว้อ ตรงประเด็น
ให้มีข้อมูลให้ครบ ว่าธุรกิจนี้ จะขาย ใคร ขายอะไร ขายที่ไหน เมื่อไหร่
ทำไม และ อย่างไร (Who, What,
Where, When, Why, How) และ
ที่สำคัญการนำเสนอของคุณ ควรจะอยู่ที่ประมาณ 15-20 นาที หรือ
น้อยกว่านั้นครับ ไม่ควรนานไปกว่านั้น
3. Working Plan
3. Working Plan
แผนธุรกิจ แบบที่ 3 เอาไว้ใช้เพื่อการทำงานล้วนๆเลยครับ ใช้สำหรับ
ภายในองค์กร สำหรับแผนกต่างๆ ไม่ต้องเน้นอธิบาย อะไรให้มากมาย
อะไรไม่สำคัญไม่เกี่ยวกับการทำงานก็ไม่ต้องใส่ เอาเนื้อๆ น้ำไม่ต้องครับ ลงรายละเอียดในการทำงาน เช่น ต้องทำอะไรบ้าง
ทำเมื่อไหร่ ทำอย่างไร มี Timeline และ มีการควบคุมการทำงาน มีการวัดผลอย่างไร แผนธุรกิจในส่วนนี้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็น เรื่อง
แผนการตลาด, แผนการผลิต, แผนการจัดการองค์กร จัดการบุคลากร
4. What If Plan
4. What If Plan
แผนฉุกเฉินครับ ขนาดโรงหนัง
ยังต้องมีทางออกฉุกเฉิน ธุรกิจของคุณก็เช่นกันครับ ลองคิดๆ
หาทางออกฉุกเฉินไว้สักนิดก็ดี ว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรที่มันร้ายแรงเกิดขึ้นมา
คุณจะมีวิธีการในการทำธุรกิจต่ออย่างไร เช่น หากลูกค้ารายใหญ่หายไป ,
หากวัตถุดิบไม่มี, หากระบบ IT ล่ม
ลองทำเป็นแผนฉุกเฉินขึ้นมาไว้ครับ โดยเฉพาะในธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหาร
ร้านค้าต่างๆ เพราะหากเกิดเหตุการณ์เฉพาะหน้าขึ้นมา คุณและทีมงานจะได้มีสติ และ สามารถทำงานกันต่อได้ครับ อย่างที่ผมเคยเจอเป็นประจำก็เช่น ไฟดับในร้านอาหาร
พนักงานไม่สามารถรับ order หรือ คิดเงินลูกค้าได้เลย
เพราะทุกอย่างต้องผ่านระบบคอมพิวเตอร์ จะให้ทำเป็น แบบ Manual ก็ไม่เคยทำ
ทำไม่เป็น หรือ อยู่ในงานสัมมนา อยู่ดีๆ
ไฟดับ พนักงานโรงแรมทำอะไรไม่ถูก ทั้งคนจัดงาน และ คนฟัง ก็นั่งเซ็งกันไป หรือ คนที่จัดงาน Event แบบ
Outdoor บ่อยๆ อาจจะต้องคิดหาทางหนีทีไล่กรณีฝนตกกันอยู่ตลอดเวลา
ธุรกิจของคุณเหมาะกับการใช้ แผนธุรกิจในแบบไหน
ก็นำแบบนั้นไปใช้ได้เลยครับ
ไม่จำเป็นต้องทำแผนธุรกิจแบบยาวในแบบดั้งเดิมกันอีกต่อไปแล้วครับ
ทำในแบบที่เราได้ใช้จริงๆกันดีกว่า
ARA
---------------------------------------------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง
Business Model Canvas คือ อะไร
http://goo.gl/6E8U0u
บทความที่เกี่ยวข้อง
Business Model Canvas คือ อะไร
http://goo.gl/6E8U0u
“แผนธุรกิจ ล้าสมัยไปแล้วหรือยัง”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น