วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

เสียงของลูกค้าสำคัญไฉน?




เสียงของลูกค้าสำคัญไฉน?


ในการเริ่มธุรกิจโดยส่วนใหญ่แล้ว เท่าที่ผมเคยเห็นมาหลายๆคนแล้วจะพุ่งเป้าไปยังสิ่งที่ตัวเองมีก่อน ไม่ว่าสูตรเด็ดอาหาร สไตล์การออกแบบเสื้อผ้า ทำเลที่ตั้งที่เป็นบ้านของเราเอง หรือแม้แต่ความสามารถของเรา หลายๆคนสามารถไปได้ดีกับการนำตัวของเราและสิ่งที่เรามีออกไปทำธุรกิจ แต่หลายคนก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า ยกตัวอย่าง มีเพื่อนผมคนนึงเรียนการทำกาแฟมาเป็นอย่างดี รสชาติที่ทำไม่ด้อยกว่าร้านดังๆแน่นอน คอกาแฟต่างๆชื่นชมตอนที่ได้ลองชิม ปัญหาคือเนื่องจากต้องการลดต้นทุนในการทำธุรกิจ จึงอาศัยพื้นที่ของบ้านมาเป็นร้าน ซึ่งเป็นเรื่องดีเพราะว่าสมัยนี้ค่าเช่าเป็นเรื่องใหญ่ของการทำร้านค้าต่างๆ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ทำเลของร้านเนี่ยมันอยู่ลึกมากและไม่มีที่จอดรถ โดยที่ไม่ต้องเดา สุดท้ายไปไม่รอดครับ ถึงแม้กาแฟจะอร่อยพอควร อีกตัวอย่างนึงคือว่าเปิดร้านอาหารอยากจะทำร้านส้มตำแนวฟิวชั่น ที่เมืองในภาคอีสาน ถึงจะเป็นการตลาดที่แตกต่าง แต่ว่าลูกค้าที่โน่นยังไม่ได้ต้องการส้มตำฟิวชั่นมาแทนส้มตำแบบเดิมของเค้า ณ เวลานี้ สุดท้ายก็ม้วนเสื่อไปเช่นเดียวกัน

ตัวอย่างที่ผมยกตัวอย่างไปทั้งสองอย่างนั้นเหมือนกันเด้ะ ไม่ฟังผู้บริโภค เราอยากแค่จะขายสิ่งที่เรามีแล้วบังคับให้ผู้บริโภคมาชอบสิ่งที่เรามีและสิ่งที่เราคิดไปเองว่าดีสำหรับผู้บริโภค จริงๆแล้วก็ไม่ผิดนะครับ หลายๆคนทำได้ดีกับการเริ่มต้นแบบนี้ แต่จริงๆแล้วมันมีวิธีดีกว่านั้น

ทำไมเราไม่ฟังเสียงลูกค้าบ้างล่ะ?? การฟังความต้องการของลูกค้าเพื่อหยั่งเชิงตลาดและทำให้เรารู้แน่นอนแล้วว่ามีความต้องการแบบนั้นแน่ๆ ก่อนเราจะเริ่มลงมือทำอะไรลองหาข้อมูลเยอะๆ ฟังจากผู้บริโภคเยอะๆ ฟังจากกลุ่มเป้าหมายของเราว่าเค้ามีความต้องการอะไร บางทีเค้าไม่ได้บอกเราตรงๆ แต่เราจำเป็นต้องแปลงข้อมูลเหล่านั้น ไม่ว่ามาจากการสังเกต มาจากพฤติกรรม หรือแม้แต่สิ่งที่เค้าพยายามบอกเรา ผมเองมีเพื่อนต่างชาติที่เคยเปิดร้านกาแฟที่ยุโรปมาและก็ทำได้ดีมากๆด้วย ซึ่งสิ่งที่เพื่อนผมคนนี้ทำก็คือเมื่อตอนอยู่ที่ยุโรป เค้ารู้ว่าคนยุโรปนั้นให้ความสำคัญกับการกินกาแฟมาก กาแฟดำหรือ espresso shot นั้นคือการวัดคุณภาพกาแฟทุกอย่าง ให้ความสำคัญกับแหล่งที่มาของเมล็ดกาแฟมากๆ blend ยังไงใช้สายพันธ์อะไร และที่สำคัญ กาแฟร้อนเท่านั้นเพราะว่าจะให้กลิ่นกาแฟและรสชาติหอมขึ้นจมูกทีเดียว แต่ในประเทศไทยไม่ได้เป็นแบบนั้น สิ่งที่เพื่อนผมคนนี้ทำก็คือเค้าต้องการเปิดร้านที่เชียงใหม่ อย่างแรกเลย เค้าไปนั่งที่ร้านกาแฟต่างๆ ชิมทุกเมนู และนั่งอยู่ที่ร้านนั้นนานมากๆเพื่อสังเกตพฤติกรรมของลูกค้า สิ่งที่เค้าเจอคือ ถึงแม้จะอากาศหนาวในหน้าหนาว คนไทยก็ยังกินกาแฟเย็น และของที่ขายดีในร้านกาแฟไทยไม่ใช่กาแฟ แต่เป็นชาและนม และที่สำคัญที่สุดคือร้านกาแฟไม่ได้ขายกาแฟเป็นแก่น แต่ขายน้ำหวานกลิ่นกาแฟซึ่งแปลก แต่คนไทยชอบ!! เท่านั้นแหล่ะเค้าต้องโยนความรู้ทุกอย่างที่เคยทำที่ยุโรปมาทิ้งทั้งหมด เพราะว่าคนไทยบริโภคกาแฟคนละแบบกับคนยุโรปอย่างสิ้นเชิง หากเพื่อนผมคนนี้เค้าเดินตามแบบเดิมที่เค้าเคยทำสำเร็จ ตอนจบของเรื่องนี้คงเดาได้ไม่ยากหากเค้ามาเปิดตลาดในไทย แต่สิ่งที่เกิดมันต่างกันออกไปครับ ที่ยกตัวอย่างเป็นร้านกาแฟทั้งสองอย่างมาให้ฟังเพื่อที่จะให้เห็นภาพของธุรกิจเดียวกันแต่เราจำเป็นต้องเรียนรู้ผู้บริโภคครับหากเรารู้จักผู้บริโภคของเราดี เราย่อมมีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว ส่วนอีกครึ่งคือเราจะส่งมอบสิ่งนั้นๆให้กับลูกค้าได้ดีอย่างไร นั่นคือสิ่งที่เราต้องหาคำตอบคำ

จากนี้หากคุณกำลังจะเริ่มกิจการของตัวเอง ลองฟังเสียงของลูกค้ารอบๆตัวคุณ ลองฟังเสียงลูกค้าของคู่แข่งของคุณดู บางทีสิ่งที่คุณอยากจะทำอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ลูกค้าคุณอยากจะได้ก็เป็นได้ครับ

YES Club (Young Entrepreneur Society)
#การทำธุรกิจ #ฟังเสียงลูกค้า



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น