เลือกตลาดดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
การทำตลาดบางทีจากเรื่องง่ายๆก็กลายเป็นเรื่องยาก บางครั้งเรื่องยากๆก็กลายเป็นเรื่องง่าย เพียงแค่เราเลือกตลาดที่เหมาะสมได้ เรื่องยากจะง่ายทันที โดยที่เรายังไม่ต้องไปทำอะไรกับสินค้า ไม่ต้องตั้งราคาใหม่ หรือว่าทำอะไรให้มันวุ่นวายเยอะแยะ
ผมเห็นตัวอย่างง่ายๆกับเหตุการณ์รถติดนรกแตกเมื่อวาน (วันจันทร์) ที่ฝนตกหนักมาก รถติดยาว ส่วนใหญ่เดินทางกัน 2-3 ชม สินค้าอย่างหนึ่งกลับขายดีขึ้นมาคืออะไรรู้มั้ยครับ....... น้ำดื่มขวด......... คงงงละสิครับว่าน้ำดื่มขวดทำไมขายดี คนหิวน้ำตอนรถติดหรอ เปล่าเลยครับ กลับกันต่างหาก คือซื้อน้ำปุ้ปเทน้ำทิ้งทันที แค่อยากได้ขวดเปล่าๆ สำหรับคนที่ทนไม่ไหวอยากเข้าห้องน้ำตอนรถติดจัดๆ น้ำดื่มแสนธรรมดาสามารถขายได้ดิบได้ดี
อีกตัวอย่างหนึ่งหน้าออฟฟิต ร้านขายข้าวแกงธรรมดา รสชาติธรรมดา ราคากับข้าวถุงละ 20 บาท แต่ขายรวมเป็น set มีข้าว 1 ถุงพร้อมน้ำดื่ม 1 แก้ว ขาย 35 -40 บาท แต่ขายดีมากทำมาแค่ไหนก็ขายหมด เพราะตอนเช้าจะมีพระมาบิณฑบาตรในละแวกใกล้ๆนี้ มนุษยเงินเดือนที่มีเวลาน้อย ก็จะมาซื้อข้าว set นี้พร้อมกับข้าวตักบาตรกันทุกเช้า
อีกตัวอย่างละกัน เวลารถติดๆ จะเห็นมั้ยครับว่าวันธรรมดากับวันเสาร์อาทิตยของที่เอามาขายจะต่างกัน ที่ผมสังเกตุเห็นในแยกไฟแดงแถวๆบ้านนั้นวันธรรมดาช่วงเช้าจะเน้นขายพวงมาลัย และช่วงเสาร์อาทิตย์จะเน้นขาย ปืนฟองสบู่ ไม้ขนไก่ ไม้กวาดขนาดยาว นึกออกมั้ยครับทำไมต้องแตกต่างกัน เพราะกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันยังไงครับ วันธรรมดาที่คนทั่วไปขับรถไปทำงานกัน การซื้อพวงมาลัยเป็นเรื่องที่ดีมากในชั่วโมงเร่งด่วน และกับของใช้ในครอบครัวไม่ว่าปืนสบู่หรือไม้กวาดต่างๆ นั้นแน่นอนจับกลุ่มตลาดครอบครัว ที่มีเวลามาเที่ยวกันพักผ่อนกันในวันอาทิตย์
นี่เป็นตัวอย่างง่ายๆที่เราอาจจะลืมหรือมองข้ามไป บางทีเราเอาสินค้าที่เรามีอยู่ ไปขายแค่เปลี่ยนมุมมองเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย สินค้าแสนธรรมดาของเราอาจจะขายได้ดีเทน้ำเทท่าก็ได้ครับ ใครมีตัวอย่างอะไรน่าสนใจมาแชร์กันได้เลยครับ
YES Club (Young Entrepreneur Society)
#กลุ่มเป้าหมาย #กลยุทธ์ #การตลาด