วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

กลยุทธ์การตลาดอะไรสำคัญที่สุด?



กลยุทธ์การตลาดอะไรสำคัญที่สุด?




หากเราอิงตาม 4 P หรือ Product Price Place Promotion เหล่านี้เป็นส่วนผสมการตลาดที่เป็นพื้นฐานของการทำการตลาดและการทำธุรกิจ ถึงแม้จะมีโมเดลอะไรใหม่ๆเต็มไปหมด แต่ทั้งหมดทั้งปวงก็ยังต้องยึดตามพื้นฐานจาก4 ตัวนี้อยู่ดีคุณคิดว่า P อะไรสำคัญที่สุดครับ บทความนี้ไม่ใช่คำตอบนะครับเป็นแค่มุมมองส่วนตัวของผมเท่านั้น



สำหรับผม ผมต้องบอกก่อนว่าเพื่อให้การแข่งขันนั้นเป็นการแข่งขันที่เราสามารถแข่งขันได้มากกว่าเดิมหรือเป็นการสร้าง competency ที่ดีและคนอื่นยากที่จะเหมือนเราและจุดนั้นจะเป็นจุดที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่ดีได้ งั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าแต่ละ P เป็นอย่างไร



Product หรือสินค้า สำหรับสินค้าที่เป็น commodityหรือสินค้าโภคภัณฑ์นั้น ในฐานะเจ้าของสินค้าหรือธุรกิจนั้น คุณไม่มีข้อได้เปรียบใดๆเลย สินค้าเกษตร ทอง น้ำมัน หรือแม้แต่สินค้าอีเล็คโทรนิคที่เป็นโรงงานโดยไม่มีการกำเทคโนโลยีสำคัญๆไว้กับตัว สินค้าเหล่านี้แทบจะเหมือนกันได้ทุกบริษัทหรือทุกแบรนด์ ดีขึ้นมาหน่อยคุณจะมีสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง มีดีไซน์ของตัวเอง มีเทคโนโลยีการผลิตที่ซับซ้อนขึ้น มีการผลิตด้วยวัตถุดิบที่หายาก ในกรณีนี้การลอกเลียนแบบอาจจะยากขึ้นแต่ก็ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ซะทีเดียว คุณจะเห็นบ่อยๆว่าสินค้าเหล่านี้สามารถถูก็อปปี้ได้เร็วมาก ยกตัวอย่างเช่น เสื้อผ้าที่พึ่งเดินบน catwalkเวทีดังๆ หรือแม้แต่จากการประกาศออสการ์เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นแบบเสื้อผ้าเหล่านี้จะถูกลอกเลียนแบบไปตัดเรียบร้อยในห้องเสื้อหลายๆที่แล้ว หรือแม้แต่มือถือยี่ห้อดังๆแค่เพียงตัว mock up หลุดออกมาหลังจากนั้นไม่นานยี่ห้ออื่นๆก็สามารถทำเลียนแบบได้ มีเพียงสินค้าในโลกนี้ไม่กี่อย่างที่คนไม่สามารถก็อปปี้หรือหาสินค้าทดแทนได้ และดีขึ้นมาอีกหน่อยอาจจะเป็นสินค้าที่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งมากแต่ตัวอย่างหลายอย่างก็บอกแล้วว่าไม่เสมอไป ไม่ว่าจะเป็น pepsi หรือ pizza hut ที่เป็นแบรนด์ระดับโลกนั้นก็เคยเจอเหตุการณ์ที่แบรนด์ไม่ช่วยอะไรมาแล้ว



Price หรือราคา ของสินค้าและบริการ ถึงแม้ว่าโครงสร้างต้นทุนและการผลิตจะต่างกัน แต่การตั้งราคาสามารถตั้งเหมือนกันได้ง่ายมาก หรือแม้แต่ตัดราคาให้ราคาถูกกว่ากันได้ อย่างเดียวสำหรับราคาถ้าคุณจะกำความได้เปรียบคือ คุณสามารถมีวิธีที่จะผลิตหรือบริหารให้ต้นทุนต่ำมากๆ ต่ำจนขนาดว่าคู่แข่งคุณตั้งราคาตามคุณเมื่อไร จะขาดทุนทันทีหากคุณทำแบบนี้ได้คุณจะกำความได้เปรียบในการแข่งขันนี้มาทันที แต่ถ้าไม่มี ราคาจะเป็นสิ่งที่เลียนแบบกันง่ายมาก และเดี๋ยวนี้มีผู้ประกอบการมากมายไม่คิดมากเรื่องนี้ เอาราคาคู่แข่งเป็นหลัก ให้ใกล้เคียงกันหรือถูกกว่านิดหน่อย แล้วไปบริหารหลังบ้านกันเอง



Promotion หรือการโฆษณา/การทำโปรโมชั่น ตัวโฆษณาอาจจะทำใกล้เคียงได้และหากตลาดทำโฆษณาใกล้เคียงแบบเดียวกันเยอะๆมันจะกลายเป็นโฆษณาที่ไม่สามารถแยกความแตกต่างได้ เช่น แชมพู หรือว่าสินค้าใช้ภายในบ้านต่างๆ ต้องบอกว่าใกล้เคียงกัน คนที่งบเยอะๆกว่าอาจจะสร้างความแตกต่างและจดจำได้มากขึ้นสำหรับแบรนด์ แต่สำหรับโปรโมชั่นแล้วการเลียนแบบและสร้างความแตกต่างกันทำได้ยากมาก ชาเขียวสองยี่ห้อเคยแจกทองเหมือนกัน แจกไอโฟนเหมือนกัน ไปเที่ยวญี่ปุ่นเหมือนกัน แจกรถ (ต่าง segment) แต่ก็แจกรถแบบเดียวกันอยู่ดี สิ่งเหล่านี้ไม่ได้สร้างความได้เปรียบเท่าไรเลย



Place หรือช่องการจำหน่าย ผมให้คะแนนตรงนี้มากๆคุณจะเลียนแบบช่องทางจำหน่ายใครไม่ได้ อันนี้มันเป็นความสามารถส่วนตัวจริงๆ สมมติว่า7-11 มีพื้นที่ให้ สองยี่ห้อสำหรับ น้ำปลา คุณเป็นหนึ่งในสอง และยอดขายคุณทำได้ดีมากๆใน7-11 ต่อให้คนอื่นอยากเข้าก็ทำยาก คุณไม่สามารถอยู่ๆเอาของคู่แข่งคุณออกจาก shelf ได้คุณไม่สามารถควบคุมได้ คุณเป็นผู้ถูกเลือกเท่านั้นในเกมนี้ นอกจากนี้หากคุณมีร้านเอง และทำเลร้านคุณดีมากๆ คู่แข่งคุณอาจจะมาเปิดแข่งใกล้ๆคุณ แต่ในหลายกรณีก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะว่าบางทีที่ที่คุณเปิดร้านนั้นเป็นที่ของคุณเอง คุณไม่ต้องเช่าใครและเมื่อไม่ต้องเช่าก็ไม่มีค่าใช้จ่ายและเมื่อไม่มีค่าใช้จ่ายการตั้งราคาก็ทำได้ง่ายกว่าคนที่มีค่าเช่า หรือแม้แต่ช่องทางขายอื่นๆเช่นออนไลน์ การทำเพจบน fb หรือการทำอะไรก็แล้วแต่ คู่แข่งคุณอาจะเปิดเพจแข่งกับคุณได้แต่เค้าไม่สามารถ copy กลยุทธ์ทั้งหมดไปได้หรือแม้แต่จะรู้กลยุทธ์ว่าคุณทำอะไรบ้างอาจจะยังยากด้วยซ้ำ ดังนั้นผมถึงให้คะแนนตรงนี้มากที่สุดและหากคุณมีกลยุทธ์ที่ดีในการยึดพื้นที่ช่องทางจำหน่าย ผมมั่นใจว่าคุณจะสามรถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันผ่านช่องทางจำหน่ายได้ดีที่สุด (นั่นเป็นเหตุว่าทำไมmodern trade จึงเติบโตแบบก้าวกระโดดในไทยและมีพลังมหาศาลในการทำธุรกิจ)



สุดท้ายนี้อย่างที่บอกไปนี่คือไอเดียของผมเท่านั้นจากประสบการณ์ที่เจอ จากงานที่ทำ จากธุรกิจที่ผมทำ ผมเชื่อว่าหากเรายึดช่องทางที่ดีได้ เราจะได้ความได้เปรียบในการแข่งขันมาอยู่ในมือเราจริงๆ ขอให้โชคดีในการแข่งขันครับ ใครคิดต่างยังไงเชิญคอมเม้นท์ได้นะครับ



YES Club (Young Entrepreneur Society)



#กลยุทธ์การตลาด #ความได้เปรียบการแข่งัน

เรามีข้อมูลที่มากพอหรือยัง?



เรามีข้อมูลที่มากพอหรือยัง?




วันนี้ผมเองได้คุยกับเพื่อนคนนึง กำลังจะเริ่มทำธุรกิจร้านเสื้อผ้าและรีสอร์ท ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการเถียงกันไปมาระหว่างการเลือกทิศทางและรูปแบบ ซึ่งบอกยากว่าใครผิดใครถูกอาจจะผิดทั้งหมด หรืออาจจะถูกทั้งหมดก็ได้ ผมเชื่อว่าตัดสินยากมาก แต่สิ่งที่จะช่วยในการตัดสินใจให้คมขึ้นคือข้อมูลครับ



เริ่มแรกเราอาจจะตั้งสมมติฐานขึ้นมาก่อน หากอันนี้ตกลงกันได้สเต็ปต่อไปไม่ยากครับ สมมติฐานแรกเลยคือกลุ่มเป้าหมาย เช่นว่าเป็นพนักงานออฟฟิต อยู่ตามหัวเมืองใหญ่ อายุ 30-40ปี รายได้ต่อเดือน 30,000 – 60,000 บาท ยังไม่มีครอบครัวทั้งผู้ชายและผู้หญิง สมมติว่ากลุ่มเป้าหมายแบบนี้ เราก็ทำการคิดต่อไปว่า สินค้าและอะไรทั้งหมดควรจะเป็นแบบไหนเพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายนี้ เราสามารถจะหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตก็ได้ หรือเราจะนั่งเทียนก็ไม่ผิดอะไร แต่ถ้าเป็นผม ผมจะไปคุยกับกลุ่มเป้าหมายก่อนเลย ลองหาคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเรา ลองไปนั่งคุย เพื่อนๆ เพื่อนของเพื่อน คนรู้จัก ไปนั่งคุยดูหลายๆคนไม่ต้องจริงจังมากครับ คิดอะไรก็ถามไปเลย ถามไปเรื่อย หากออกแบบมามีตัวอย่างก็ให้เค้าเลือกเลยครับ คุยไปเรื่อยๆ ไม่ต้องจดบันทึกอะไรมากมายแต่พยายามจับไอเดียหลักๆให้ได้ว่า กลุ่มนี้ บุคคลนี้ต้องการอะไร และสอดคล้องกับสิ่งที่เราคิดไว้ในตอนแรกมากน้อยแค่ไหน คุยไปเรื่อยๆ 10-20 คนเราจะเริ่มได้ไอเดียละ ไม่ต้องเอามาคิดเป็นสถิติอะไรให้มากมาย เพราะอย่างที่รู้กันว่าด้วยจำนวนคนประมาณนี้คิดเป็นสถิติยาก แต่สิ่งที่คุณจะได้คือไอเดียจากกลุ่มเป้าหมายจริงๆในเชิงลึก ยิ่งถ้าคุยกันหลายๆคนและคอนเฟิร์มสิ่งที่คุณคิด คุณจะเริ่มมั่นใจได้แล้วว่าน่าจะเป็นไปได้ นี่คือสิ่งที่คุณจะได้มาแบบราคาถูกมากไม่ต้องไปจ้างบริษัททำวิจัยใดๆ คุณมีปัญหาอะไรคุณอยากรู้อะไรก็ถามไปเลย และเมื่อย้อนกลับไป ณ ความขัดแย้งทางความคิดตอนแรก คุณอาจจะได้คำตอบที่ดีมากขึ้น การเถียงกันเป็นเรื่องดี แต่การเถียงกันด้วยความรู้สึกเป็นสิ่งที่ไม่ดี การมีข้อมูลในมือและเถียงกันด้วยข้อมูลหรือเถียงกันด้วย factย่อมดีกว่าการเถียงกันเพราะความรู้สึกส่วนตัว “ผมคิดว่า/ผมเชื่อว่า/ผมมั่นใจว่า........ “ ทั้งหมดทั้งปวงที่มันเป็นสิ่งที่คุณคิดไปเองโดยไม่มีเหตุผลอะไรรองรับเท่าไร



นอกจากนี้เมื่อเราได้ข้อมูลเหล่านี้มาแล้ว เราจะลองเปรียบเทียบข้อมูลต่างๆจากในอินเตอร์เน็ตหรือข้อมูลต่างๆที่มีอยู่แล้วอีกทีก็ได้ครับจะได้ดูว่ามันสอดคล้องกันอย่างไร หากคุณต้องไปติดต่อบริษัทวิจัยนอกจากจะเสียเวลาเยอะแล้ว ผมเชื่อว่าหลายๆคนยังไม่เข้าใจกลไกการทำวิจัยที่ดีพอและคุณอาจจะไม่ได้ข้อมูลที่ตรงใจเท่าไรแถมยังเสียเงินเยอะอีกด้วย



สุดท้ายนี้ฝากไว้ว่าในการตัดสินใจทุกๆอย่าง ขอให้ในมือมีข้อมูลบางอย่างที่มากพอในการตัดสินใจ อย่าตัดสินใจลอยๆเพียงเพราะคุณคิดว่าหรือมีคนบอกมา ให้ใช้เหตุผลและสิ่งที่สนับสนุนความคิดคุณมาตัดสินใจด้วยครับ





YES Club (Young Entrepreneur Society)
#ข้อมูล #การตัดสินใจ #การทำธุรกิจ

การแก้ปัญหาและคิดแบบสร้างสรรค์



การแก้ปัญหาและคิดแบบสร้างสรรค์




ในระหว่างผมทำงานประจำได้เคยไป workshopนึงซึ่งผมเองก็ชอบมากๆอันนึง เป็นworkshop ที่ว่าด้วยนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ เรามักจะเจอปัญหาคิดอยู่ในกรอบ แก้ปัญหาเดิมกับการทำงานแบบเดิมๆ ด้วยการตั้งการ์ดการตั้งข้อจำกัดที่มากมายสำหรับเราๆกันและเราก็จะเจอกับปัญหาเดิมๆ และก็จะวนเวียนกันอยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆ ใครทนได้ก็จะทนไปเรื่อยๆ ส่วนคนทนไม่ได้ก็จะยอมแพ้ถอยกันไป



แล้วมันใช่วิธีที่ถูกแล้วหรือยัง ไอน์สไตน์เคยบอกว่ามันคงจะบ้ามากหากเรายังดันทุรังทำแบบเดิมๆเพื่อที่จะให้ได้ผลลัพท์ใหม่ๆ และมันก็ใช่เพราะการกระทำแบบเดิมๆซ้ำๆไปเรื่อยๆคุณก็จะได้แค่ผลลัพท์เดิมๆ แล้วทำไมไม่ลองทำอะไรใหม่ๆดูครับ คำถามคือแล้วจะทำได้ยังไง?



ลองคิดมุมกลับดูครับ เอาข้อจำกัดทั้งหลายวางเอาไว้ แล้วสมมติว่า วันนี้คุณสามารถรื้อทั้งระบบได้แบบไร้ข้อจำกัดคุณจะ design แผนการหรือระบบทั้งหมดอย่างไร แค่นั้นเองเลยครับ โรงงานของคุณจะวาง layout แบบเดิมมั้ย คุณจะจ้างคนเยอะเท่านี้มั้ย สินค้าที่คุณขายจะยังขายสินค้าตัวเดิมมั้ย กลุ่มเป้าหมายยังเป็นแบบเดิมรึเปล่า ทีมงานคุณจะเป็นทีมงานนี้มั้ย ทุกๆอย่างรื้อใหม่หมดเลย แล้วคุณจะเชื่อว่าคุณเจอทางแก้ปัญหาที่ดีมากๆ ในหลายๆเคสผมได้ใช้โมเดลนี้กับธุรกิจคนใกล้ตัว กลับเจอเรื่องที่เหลือเชื่อคือ เมื่อเอาข้อจำกัดต่างๆเช่นว่า เราไม่มีทุนหรอก เรามีโรงงานอยู่ เรานี่เรานั่นเหตุผลร้อยแปดออกไปให้หมด แล้วคุณจะรู้สึกตัวเบาอย่างเหลือเชื่อและจะมีมุมมองแปลกๆกับธุรกิจคุณได้อย่างเหลือเชื่อ บางทีเรามัวทีจะดันทุรังแก้ปัญหาเดิมๆ กับวิธีเดิมๆเราก็จะได้ผลลัพธ์เดิมๆ วันนี้ลองมองมุมใหม่ๆบ้างครับ อย่าเอาข้อจำกัดทั้งหลายมาบอกว่าเราควรเดินแบบไหน สุดท้ายแล้วเราอาจจะเจอทางเดินที่ดีกว่าเดิม และมันควรจะดีกว่าเดิมครับ ลองเอาไปใช้กันดูครับ ลองเอาจินตนาการให้สุดๆไปเลยขอให้สนุกกับจินตนาการนะครับ



YES Club (Young Entrepreneur Society)



#การแก้ปัญหา #ความคิดสร้างสรรค์ #การทำธุรกิจ